วันจันทร์ที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2557

เที่ยวชลบุรี ตอนที่ 1

เสน่ห์เมืองชลบุรี


ชลบุรี หรือ เรียกสั้นๆ ว่า "เมืองชล" เป็นเมืองที่ไม่เคยหลับไหล ด้วยความหลากหลายในด้านการท่องเที่ยว เป็นเมืองชายทะเลภาคตะวันออกที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ นอกจากจะเป็นเมืองเศรษฐกิจและอุตสาหรกรรมที่สร้างเม็ดเงินจำนวนมหาศาลให้กับประเทศในแต่ละปีแล้วนั้น ศักยภาพด้านการท่องเที่ยวของจังหวัดชลบุรีจัดอยู่ในระดับต้นๆ ของประเทศ

ชลบุรีมีชายหาดพัทยาเป็นไฮไลท์สำคัญที่โด่งดังระดับโลก สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ มีบางแสนเมืองชายทะเลที่สุดแสนจะคลาสสิก มนต์เสน่ห์ที่ไม่เคยจางหายตั้งแต่อดีตจวบจนปัจจุบัน

นอกจากจะเป็นเมืองตากอากาศชายทะเลแล้ว ชลบุรียังมีชื่อเสียงในเรื่องของกิน และของฝากมากมาย  ข้าวหลามหนองมน ที่น้อยคนนักจะไม่รู้จักถึงความหอมอร่อย ครกหินอ่างศิลา งานหัตกรรมฝีมือช่างทำหินอ่างศิลาที่มีชื่อเสียงด้านความคงทนมาช้านาน หรือเครื่องจักรสานของคนพนัสนิคมที่ขึ้นชื่อในเรื่องความปราณีตสวยงามที่สุด

สำหรับการเดินทางท่องเที่ยวชลบุรีในทริปนี้ มีไฮไลท์ที่หลายคนยังไม่รู้จัก สีสันการท่องเที่ยวชุมชนคือ การที่เราได้ไปสัมผัสและเรียนรู้ถึงวิถีของแต่ละชุมชน ด้วยอัธยาศัยไมตรีและรอยยิ้มของผู้คนคือเสน่ห์มัดใจ ให้คนต่างถิ่นอย่างเราๆ ท่านๆ ต้องกลับมาเยือนครั้งแล้วครั้งเล่า


ชุมชนจักสานพนัสนิคม
อำเภอพนัสนิคมมีคำขวัญประจำเมืองพนัสนิคมว่า "พระพนัสบดีคู่บ้าน จักสานคู่เมือง ลือเลื่องบุญกลางบ้าน"  จุดหมายแรกของการเดินทางท่องเที่ยวชุมชนในเส้นทางนี้ก็คือ ชุมชนจักสานพนัสนิคม อยู่ห่างจากเส้นทางมอเตอร์เวย์ประมา 20 กม. ที่นี่เป็นแแหล่งรวมสุดยอดงานฝีมือด้านการจักสานไม้ไผ่ ที่อยากแนะนำให้แวะชมก็คือ "กลุ่มจักสารชุมชนย่อยที่ 1"  ที่นี่มีการสาธิตการทำเครื่องมือ เครื่องใช้ด้วยการจักสานไม้ไผ่จากภูมิปัญญาชาวบ้าน ที่ถ่ายทอดวิชาความรู้จากรุ่นสู่รุ่น

ภายในบริเวณกลุ่มจักสานยังเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์เครื่องจักสาน ละลานตาไปด้วยเครื่องจักสานที่ใหญ่ที่สุดในโลก เช่น ก่องข้าวน้อย ภาชนะใส่ข้าวเหนียว ซึ่งก่องข้าวน้อยที่นี่ ไม่ได้น้อยแค่ชื่อ แต่เป็นก่องข้าวน้อยที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้ นอกจากนั้นชุมชนที่นี่ยังเป็นที่เก็บรวบรวมเครื่องจักสานโบราณหลากหลายชนิดให้ศึกษาเรียนรู้



จากชุมชนจักสานสู่เกาะสีชัง
ที่ท่าเทียบเรือเกาะลอย จุดหมายปลายทางของพสกเราคือ เกาะสีชัง จากท่าเทียบเรือเกาะลอยถึงเกาะสีชัง ใช้เวลาเดินทางราวๆ  45 นาทีก็จะถึงท่าเรือเทววงศ์ ณ ดินแดนแห่งความสงบ  ณ เกาะสีชัง แม้บรรยายกาศจะดูคึกคักมากกว่าวันวานในอดีต ณ วันนี้ร้านรวงต่างๆ รวมถึงร้านสะดวกซื้อต่างก็ผุดขึ้นมาราวดอกเห็ด แต่กลิ่นอายของเมืองตากอากาศที่แสนจะโรแมนติกยังคงไม่จางหายไปไหน ด้วยเกาะสีชังที่มีขนาดเล็ก มีพื้นที่ทั่วเกาะเพียง 18 ตารางกิโลเมตร ถนนหนทางบนเกาะเป็นถนนที่ไม่กว้างมากนัก ดังนั้นพาหนะยอดนิยมจึงเป็นรถมอไซค์ซะส่วนใหญ่ รวมถึงรถมอไซค์พ่วงขนาดเล็กที่เรียกกันว่า "รถสกายแลป" 

รถสกายแลป เกาะสีชัง
รถสกายแลป ทางภาคอีสาน
ซึ่งถือเป็นเอกลักษณ์ประจำเกาะสีชังที่นักท่องเที่ยวสามารถใช้บริการไปตามจุดท่องเที่ยวต่างๆ บนเกาะได้ในราคาย่อมเยา ซึ่งเจ้ารถสกายแลปที่ว่านี้ ไม่เหมือนรถสกายแลปที่อยู่ทางภาคอีสาน ลักษณะรถสกายแลปบนเกาะสีชังจะเน้นในเรื่องการนั่งของผู้โดยสารมากกว่า ซึ่งดูเผินๆ ก็คล้ายๆ รถตุ๊กตุ๊กที่วิ่งอยู่ในกทม. แต่ถ้าพูดถึงในเรื่องของการบรรทุกสัมภาระไปพร้อมๆ กับนั่งไปด้วยละก็ ผมว่ารถสกายแลปทางอีสานดูจะได้เปรียบกว่านะ
อ่ะ..มาว่ากันต่อ สถานที่ท่องเที่ยวบนเกาะสีชังที่สำคัญจุดแรก คือ พระจุฑาธุชราชฐาน สร้างขึ้นในสมัย ร.5 เพื่อใช้เป็นที่ประทับในฤดูร้อน บรรยากาศเต็มไปด้วยดอกลีลาวดีที่แข่งกันอวกโฉมความสวยงามพร้อมกับส่งกลิ่นหอมอบอวลชวนให้หลงไหลไปทั่วบริเวณ  เรือนไม้สีเขียวหลังงาม สันนิฐานว่า น่าจะเป็นเรือนพักตากอากาศของชาวต่างประเทศมาก่อน  ต่อมาได้มีการปรับปรุงเป็นที่ประทับแรมของพระราชวงศ์ในคราวเสด็จมากรักษาพระองค์ ปัจจุบันใช้เป็นสำนักงาน ส่วนบริการนักท่องเที่ยว และจัดแสดงนิทรรศการที่น่าสนใจบนเกาะสีชัง


สะพานอัษฎางค์

บริเวณวณริมฝั่งทะเลมีสะพานไม้สีขาวทอดยาวออกไปในทะเล รู้จักกันในชื่อสะพานอัษฎางค์ เป็นสถานที่ถ่ายรูปอีกจุดหนึ่งที่สวยที่สุด ในเขตพระราชฐานเลยทีเดียว  หลังดื่มด่ำไปกับความงามของพระราชฐานแล้ว ช่วงเย็นในบรรยากาศแดดร่มลมตก สามารถแวะชมวิวทะเลสวยๆ ได้ที่ หาดถ้ำเขาพัง  เป็นอ่าวรูปโค้งวงพระจันทร์ที่มีหาดทรายขาวสะอาดตา เดินเล่นสบายๆ ชิวชิว ริมหาดสวยใกล้ๆ ก็ยังมีร้านอาหาร ร้านขายของฝากที่ระลึกให้บริการนักท่องเที่ยวอีกด้วย

อีกจุดหนึ่งก็คือ ช่องอัษฎางค์ หรือช่องเขาชาด เป็นจุดชมวิวทะเลได้กว้างไกลสุดสายตา และยังเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกได้สวยงามสุดๆ มีสะพานทอดยาวตามแนวผาชันริมทะเล


สำหรับค่ำนี้ที่พักที่ดีที่สุดของเราก็คือโฮมสเตย์บนเกาะสีชัง เป็นโฮมสเตย์เล็กๆ ที่เกิดขึ้นจากความตั้งใจของคนในชุมชนเอง เปิดให้บริการนักท่องเที่ยวจำนวน 4 หลัง สามารถรองรับคนเข้าพักได้ประมาณ 40 คน (แนะนำควรจองล่วงหน้า) แต่ละหลังมีบรรยากาศที่แตกต่างกัน สามารถเลือกพักได้ตามใจชอบ ขอแนะนำสำหรับการพักค้างบนเกาะสีชัง เนื่องจากบนเกาะไม่มีแหล่งน้ำดิบสำหรับการอุปโภค บริโภค ทำให้ต้องซ์้อน้ำจากบนฝั่งมาใช้ ดังนั้นก็ต้องช่วยๆ กันประหยัดน้ำกันนะครับ


อัตราที่พัก 250 บาท : คน : คืน (ไม่รวมค่าอาการ ค่ารถสกายแลป) ถ้ามา 5 คนขึ้นไปคิด 200 บาทต่อคนต่อคืน  หรือถ้าจะรวมค่าอาหารด้วยก็ 800 บาทต่อคนต่อคืน  ส่วนค่ารถนำเที่ยวสกายแลปในหนึ่งวัน เขาคิดเหมาวันละ 250 บาทครับ

อาหารการกิน เน้นเลยว่าจะต้องเป็นอาหารทะเลสดๆ ตามฤดูกาล เช่น หมึกกระตอยต้มน้ำดำ , หอยฟันกระต่ายทอดกระเทียม , หอยกระปุกผัดน้ำพริกเผา เป็นต้น

การเดินทาง  จากกทม. ใช้เส้นทางบูรพาวิถี เข้าถนนบายพาสเลี่ยงเมืองชลบุรี วิ่งตรงไปทางพัทยาจนเจอป้ายศรีราชา ผ่านโรงเรียนอัสสัมชัญศรีราชาจะเจอแยกไฟแดง ให้เลี้ยวซ้ายวิ่งตรงไปประมาณ 2 กม. ถึงเกาะลอย  จากศรีราชาไปเกาะสีชัง มีเรือโดยสารออกจากท่าเรือเกาะลอยทุกวัน ตั้งแต่ 6 โมงเช้าไปจนถึง 2 ทุ่ม  เรือออกทุกชั่วโมง  ใช้เวลาเดินทางประมาณ 45 นาที

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่  บริษัท เดอะดีพาร์ทเจอร์ จำกัด หรือที่เว็บไซต์ www.flydrivethai.com


ขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านบล็อกขับรถเที่ยวไทย ไปทุกภาคครับ
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก internet

1 ความคิดเห็น: