วันพุธที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

ขับรถเที่ยว อ.สังคม จ.หนองคาย

ขับรถเที่ยว อ.สังคม จ.หนองคาย แวะชมเกล็ดพญานาคริมโขง
ณ วัดผาตากเสื้อ

ทริปท่องเที่ยวในครั้งนี้ หลังจากที่เราเดินทางออกจากวัดป่าภูก้อน จ.อุดรธานีแล้ว เรามุ่งหน้าตรงไปยัง อำเภอ สังคม ซึ่งเป็นอำเภอแรกๆ สุดที่อยู่ทางตอนเหนือของจังหวัดหนองคาย จุดหมายของเราคือการไปชมริ้วคลื่นธรรมชาติ ที่พัดพาเอาตะกอนจากแม่น้ำขึ้นมาทับถมรวมๆ กัน บนพื้นดินชายฝั่งริมโขงจนแลดูเผินๆ เหมือนกับเกล็ดมังกร แต่อันที่จริงแล้วควรเรียกเกล็ดพญานาคมากกว่า เพื่อให้สอดคล้องกับความเชื่อของชาวบ้านในถิ่นนี้


เส้นทางการเดินทางมายัง วัดผาตากเสื้อ ซึ่งเป็นจุดชมเกล็ดพญานาคได้สวยงามที่สุด เราขับรถออกจากตัวเมืองอุดรฯ ประมาณ 40 กม.ถึงทางแยกหนองสองห้องเลี้ยวซ้ายไปตามทางหลวง 211 ผ่าน อ.ท่าบ่อ ประมาณ  42 กม.  ผ่านอ.ศรีเชีงใหม่อีกประมาณ 15 กม. ขับรถต่อไปอีกประมาณ เกือบ 30 กม.และก่อนถึง อ.สังคม จะเจอทางแยกซ้ายมือ มีป้ายบอกทางไปวัดผาตากเสื้ออีกประมาณ 8 กม.


วัดผาตากเสื้ออยู่ห่างจากอำเภอสังคมประมาณ 18 กิโลเมตร เป็นเส้นทางที่ต้องขับรถอ้อมขึ้นเขา แต่ทางสะดวกดี รถเล็กขึ้นได้ครับ จากอำเภอสังคม ขับรถเลียบมาตามแม่น้ำโขงทางที่จะไปหนองคาย ประมาณ 11 กิโลเมตร เลี้ยวขวาที่แยกน้ำตกธารทอง ขึ้นไปตามป้าย วัดผาตากเสื้อ เส้นทางช่วงนี้จะเป็นทางขึ้นเขา อีก 7 กิโลเมตร ก็จะถึงวัดผาตากเสื้อ ใครที่อยากจะไปที่สัดผาตากเสื้อแห่งนี้ก็บันทึกตำแหน่งพิกัด GPS ได้เลยครับ [ GPS : 18.036930, 102.305161 ] หรือคลิกเพื่อดูแผนที่จาก google map ได้ที่นี่


วัดผาตากเสื้อตั้งอยู่บนเทือกเขาภูพานน้อย  เขตบ้านปากโสม ม.2 ต.ผาตั้ง อ.สังคม จ.หวัดหนองคาย สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 550 เมตร อยู่ห่างจากอำเภอเมืองหนองคายไปประมาณ 87 กม.ซึ่งเป็นจุดชมวิวแม่น้ำโขงที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งในภาคอีสาน ว่ากันว่าในช่วงที่น้ำลด หากไปยืนอยู่บนวัดผาตากเสื้อแล้วมองลงมายังแม่น้ำโขง จะเห็นสันทรายเป็นริ้วคล้ายเกล็ดพญานาคอย่างชัดเจน ซึ่งมันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ อย่างไรก็ตาม ความสวยงามนี้กลับถูกซ่อนไว้ใต้ผืนน้ำ เพื่อรอเวลาอันเหมาะสมที่จะเผยโฉมในยามที่น้ำเริ่มลด ช่วงเวลาเหมาะสมที่จะไปชม เกล็ดพญานาค ควรไปช่วงฤดูหนาวหรือฤดูร้อน (ช่วงน้ำลด) จะเหมาะที่สุดครับ


เมื่อคณะของเรามองดูแนวสันทรายที่ยาวสุดสายตาแล้ว กะว่ามันน่าจะมีความยาวของแนวสันทรายไม่ต่ำกว่าร้อยเมตร จุดที่เหมาะสมที่ดีที่สุดในการชมแนวสันทรายแห่งนี้ แนะนำว่าต้องไปชมบนจุดชมวิวบนวัดผาตากเสื้อ และที่สำคัญที่ต้องนำติดตัวไปด้วยก็คือ กล้องส่องทางไกล หรือกล้องถ่ายรูปที่ติดเลนส์ซูมคุณภาพดีๆ สักตัวเพื่อเก็บภาพแห่งความประทับใจกลับไปอวดชาวออฟฟิศทั้งหลายให้อิจฉาเล่นๆ


จากจุดชมวิวฯ หากมองไปทางซ้ายมือจะมองเห็นวิวแม่น้ำโขงทอดยาวโค้งเป็นคุ้งน้ำ กลางแม่น้ำมีเกาะแก่งขนาดใหญ่ ทำให้แม่น้ำโขงช่วงนี้มีลักษณะคล้ายแยกเป็นรูป Y ที่มองเห็นประเทศเพื่อนบ้านได้อย่างชัดเจน  หลังจากชื่นชมธรรมชาติกันจนจุใจ มาถึงวัดผาตากเสื้อทั้งทีก็ต้องมาไหว้พระ เราเดินตรงก้าวขึ้นบันไดไปยังโบสถ์ เพื่อไหว้พระขอพร เรียกได้ว่ามาวัดนี้วัดเดียว ได้ชมทั้งธรรมชาติ แถมได้ไหว้พระ อิ่มบุญกันถ้วนหน้าครับ


ไหนๆ ก็มาเตร็ดเตร่เดินทอดน่องชมวิวสันทรายเกล็ดพญานาคกันแล้ว ที่อำเภอสังคมยังมีแหล่งท่องเที่ยวที่ต้องแวะไปมุด เอ้ย..แวะไปเดินชมให้ได้สักครั้งก็คือ “วัดถ้ำดินเพียง” หรือ “วัดถ้ำศรีมงคล” ซึ่งภายในวัดเป็นที่ตั้งของถ้ำดินเพียง ที่เชื่อกันว่าเป็นถ้ำพญานาค เป็นประตูมิติเชื่อมระหว่างโลกมนุษย์และเมืองบาดาล และบ้างก็ว่าเป็นเส้นทางที่พระธุดงด์ทรงศีลแก่กล้าจากลาวใช้ข้ามฝั่งลอดใต้แม่น้ำโขงเข้ามายังเมืองไทย


บริเวณปากทางเข้าถ้ำจะมี “ศาลพ่อปู่อินทร์นาคราช - แม่ย่าเกตุนาคราช” ตั้งอยู่ พวกเราจึงแวะกราบขอพรก่อนที่จะเดินมุดลงไปชมความงามที่อยู่ภายในถ้ำกัน แต่การที่จะเดินลงเข้าไปภายในถ้ำนั้น ไม่ใช่นึกอยากจะเข้าก็เข้าไปเลยนะครับ เราจะต้องมีคนนำทางพาเข้าไปถึงจะเข้าไปได้ครับ


จากปากทางเข้าสู่ภายในถ้ำจะเป็นช่องเล็กๆ ที่คนตัวเล็กๆ จะพอมุดเข้าไปได้อย่างสบายๆ แต่ถ้าเป็นคนตัวใหญ่หน่อยก็ลำบากนิดนึง แต่เมื่อผ่านเข้าไปด้านในแล้ว บางช่วง บางแอ่งจะเป็นน้ำสลับพื้นดินติ้นๆ แฉะๆ มีทั้งซอกหลืบ โพรงเล็ก โพรงน้อย ซึ่งถ้าไม่มีคนคอนนำทางเข้าไปแล้ว อาจจะหลงกันได้ง่ายๆ

คนนำทางก็ชี้ให้เราดูยังห้องต่างๆ ภายในถ้ำ ทั้งห้องโถง ห้องหีบศพปู่อินทร์นาคราช ช้างสามเศียร , บรรลังก์พญานาค , ธิดาพญานาค 3 องค์ ล้วนแล้วตื่นตาตื่นใจที่ได้แวะมาชมและสัมผัสกับบรรยายกาศภายในที่แห่งนี้จริงๆ


กลับออกมาจากถ้ำเพียงดินแล้ว พวกเราก็ต้องแวะไปหาอะไรทานก่อนกลับที่พักซึ่งก็ได้รับคำแนะนำว่าควรไปหาอะไรทานแถวๆ อำเภอสังคม แล้วแวะชมพระอาทิตย์ตกดินกันที่ "หนองปลาบึก" ที่หนองปลาบึกขึ้นชื่อว่า เป็นแหล่งชมพระอาทิตย์ตกดินที่สวยงามอีกแห่ง ยิ่งถ้าเป็นในช่วที่น้ำลด ก็จะเห็นโขดหิน เกาะแก่งตามธรรมชาติที่โผล่พ้นน้ำขึ้นมานับไม่ถ้วน จนได้รับสมญานามว่า "3หมื่นแก่ง" พร้อมกับชมวิถีชีวิตของชาวบ้านในละแวกนั้น ซึ่งถ้าจะให้ดีก็ต้องนั่งเรือหางยาว ชมทัศนีย์ภาพรอบๆ หนองปลาบึก ลัดเลาะไปตามซอกเกาะแก่งต่างๆ กันอย่างเพลิดเพลินจนใกล้ช่วงเวลาสำคัญที่พลาดไม่ได้เลยก็คือ การนั่งชมพระอาทิตย์ตกดิน ที่ค่อยๆ สาดแสงส่องกระทบกับผิวน้ำ มันช่างเป็นภาพบรรยากาศที่โรแมนติกเสียนี่กระไร


พวกเรานั่งเหม่อมองดูพระอาทิตย์สีส้มกลมโต ที่ค่อยๆ ลับเลือนหายไปหลังขุนเขาที่อยู่เบื้องหน้า ซึ่งนั่นก็เป็นสัญญาณว่า พวกเราจำเป็นจำต้องจากสถานที่แห่งนี้ไปซะแล้ว เพื่อมุ่งหน้ากลับที่พัก และเตรียมตัวเดินทางขึ้นเครื่องกลับบ้านในวันรุ่งขึ้น


เอาไว้โอกาสหน้าฟ้าใหม่ พวกเราคงได้มีโอกาสกลับมาท่องเที่ยวชมพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าที่หนองปลาบึกกันใหม่ในคราวหน้า และต้องขอขอบคุณสำหรับโปรแกรมแพ็คเกจท่องเที่ยวแบบอิสระ อย่างแพ็คเกจบินไป บินกลับขับรถเที่ยวทั่วไทยของ บริษัท เดอะดีพาร์ทเจอร์ ที่ได้คณะของเราได้ซื้อแพ็คเกจนี้มาพร้อมๆ กับตั๋วเครื่องบิน ที่พักสบายๆ อาหารอร่อยๆ และรถที่ใช้ขับตะเวนไปทั่วอุดรฯ - หนองคายในคูปองใบเดียวกัน ใช้ได้ทั้งที่พัก ตั๋วเครื่องบินไป-กลับ และรถเช่าที่แสนจะสะดวกสบายตลอดกรเดินทางในครั้งนี้ครับ  ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านจนจบ เอาไว้โอกาสหน้าจะแวะไปเที่ยวที่ไหน แล้วจะมาเล่าประสพการณ์ดีๆ ของการขับรถเที่ยวเองแบบสบายๆ ให้อ่านกันในโอกาสต่อไป ขอบคุณและสวัสดีครับ :)

1 ความคิดเห็น: